September 27, 2004

Saw เกมต่อชีวิต

Saw เกมต่อชีวิต


(6/10)

กำกับ : เจมส์ หวัน
บทภาพยนตร์ : ลีห์ วันแนล(จากเรื่องของเขาและ เจมส์ หวัน)
นำแสดง : ลีห์ วันแนล, แครี่ เอลเวส, แดนนี่ โกลเวอร์, โมนิก้า พอตเตอร์
ดนตรีประกอบ : ชาร์ลี เคราส์เซอร์
กำกับภาพ : เดวิด เอ.อาร์มสตรอง
ตัดต่อ : เควิน กรูเติร์ท





ทันทีที่หนังเปิดเรื่องขึ้น เราพบว่ามีชายสองคนตื่นขึ้นมาในห้องน้ำสกปรกห้องหนึ่ง ทั้งคู่จำเรื่องราวแต่หนหลังก่อนจะมาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างพร่าเลือนเต็มทน ทั้งคู่ได้แก่ ดร.ลอวเรนซ์ กอร์ดอน(แครี่ เอลเวส) และ อดัม(ลีห์ วันแนล) อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขารับรู้ต่อมาก็คือพวกเขาถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนที่ข้อเท้าข้างหนึ่งทั้งคู่ มิหนำซ้ำห้องดังกล่าวยังมีศพนอนจมกองเลือดน่าสะอิดสะเอียน มือหนึ่งถือเครื่องเล่นเทป อีกข้างหนึ่งถือปืน



กอร์ดอน ค่อยๆ รำลึกถึงเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงก่อนหน้านี้ และพบว่าเขาเคยได้ประสบกับเหตุการณ์คล้ายคลึงจากการพัวพันในการก่อคดีฆาตกรรมของฆาตกรโรคจิตที่มีฉายานามว่า “จิ๊กซอว์” ซึ่งมีเป้าหมายให้เหยื่อแต่ละคนซึ่งต่างถูกคัดเลือกในแง่ของผู้ที่หลงตนเองต่างๆ กันไป ตั้งแต่โลภมาก, เจ้าสำอาง, ขี้ยา มาถูกกักขังและต้องทำตามเงื่อนไขของเกมที่เขาสร้างขึ้นในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นยาพิษจะออกฤทธิ์จนเขาเหล่านั้นตาย เหตุก็เพราะให้พวกเขาตระหนักในคุณค่าแห่งชีวิต



ตัวอย่างของเหยื่อผู้รอดตายคนหนึ่ง คือเธอตื่นขึ้นมาพบตัวเองถูกครอบหน้ากากเหล็กไว้อย่างแน่นหนามิดชิด และถูกมัดติดกับเก้าอี้ พลันที่ลืมตาตื่นขึ้นก็พบวิดีโอแจ้งจากผู้ร้ายว่าต้องหาทางไปเอากุญแจในห้องเพื่อไขหน้ากากออกมา มิฉะนั้นส่วนที่ยึดกับขากรรไกรของเธอจะง้างฉีกปากและใบหน้าเธอเป็นชิ้นๆ !!







กอร์ดอนถูกเลือกในฐานะหมอที่ให้ชีวิตกับผู้อื่นแต่กลับไม่เคยมองดูคนอื่นในฐานะของคนทั่วไปเช่นกัน ส่วนเหยื่อของเขาคืออดัม ก็มีเงื่อนงำที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาอีกด้วย กอร์ดอนต้องทำตามเงื่อนไขที่จิ๊กซอว์กำหนดคือฆ่าอดัมเสีย มิฉะนั้นภรรยา(โมนิก้า พอตเตอร์)และลูกสาว(แมคเคนซี่ เวก้า)ของเขาที่ถูกจับจะต้องจบชีวิตแทน ทั้งคู่ต่างเลือกที่จะปิดความลับกันทีละนิดละหน่อย เพื่อเป็นข้อได้เปรียบของแต่ละฝ่าย ขณะเดียวกันภายนอกดูเหมือนจะฉาบด้วยการช่วยเหลือกันเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดในสถานการณ์เลวร้ายที่ประสบ ความมืดดำที่ก่อตัวเงียบๆ กับความพยายามอย่างมีสติและจริยธรรมของพวกเขา อย่างไรจะชนะ และพวกเขายังต้องคลี่คลายปริศนาของคนร้ายอีกด้วย



อีกด้านหนึ่ง แทปป์(แดนนี่ โกลเวอร์) ตำรวจที่กำลังติดตามคลี่คลายคดีของจิ๊กซอว์ หลังจากเคยหมายจับกอร์ดอนในฐานะผู้ต้องสงสัย ก็ดำเนินการสืบสวนมาจนถึงจุดที่ใกล้ความสำเร็จเข้ามาทุกที เมื่อพบข้อมูลสำคัญหลายอย่าง ตัวเขาก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดชะตาชีวิตของทุกคนไม่น้อยกว่าใคร



Saw เป็นหนังสืบสวน-สยองขวัญ ที่มีเนื้อเรื่องผสมผสานระหว่างการตัดสินผิดบาปของมนุษย์ราวกับทำตัวเป็นพระเจ้าของฆาตกรใน Seven , การหาทางออกแก้ปริศนาในห้องปิดตายแบบเรื่อง Cube, ภาพสยองขวัญที่ออกแบบราวกับหลุดเข้าอยู่ในพวกรสนิยมซาโด-มาโซคิสม์ อย่าง Hellraiser นี่เป็นงานกำกับเรื่องแรกของ เจมส์ หวัน และเป็นการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องแรกเช่นเดียวกันของ ลีห์ วันแนล(นักแสดงที่มีบทสมทบใน The Matrix Reloaded) โดยใช้ทุนสร้างหนังต่ำมากคือประมาณ 1 ล้านเหรียญ หากมองเพียงเท่านี้ก็ถือว่าหนังประสบความสำเร็จเพียงพอแล้วกับการสามารถทำให้หนังที่มีอารมณ์น่าอึดอัด ชวนตื่นเต้นและติดตาม ในบรรยากาศสยองขวัญแบบแหวะๆ ซึ่งเอาเข้าจริงก็มีหนังในฝั่งอเมริกายุคหลังไม่กี่เรื่องที่ทำได้



แม้หนังจะน่าปวดหัวไม่น้อยในการใช้สปีดภาพ, การตัดต่อฉับไวราวกับมิวสิควิดีโอ, การถ่ายภาพที่มืดมัว และชวนสยองอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงเทคนิคการสร้างความน่ากลัวที่เราคุ้นชินจากหนังหลายเรื่องอาทิ Seven, Silence of The Lamb หรือกระทั่ง Ringu แต่กระนั้นก็ตามการกำหนดจังหวะที่ได้ผลนั้นก็ต้องเป็นเรื่องความสามารถของหวันโดยแท้



คำว่า Saw นอกจากจะใช้แทนชื่อของฆาตกร ยังอาจหมายถึงอุปกรณ์ที่อดัมและกอร์ดอนเจอในห้องคือ เลื่อย และยังหมายถึง การเคยเห็น(saw) หรือการมองย้อนไปพบกับตัวตนของพวกเขาเพื่อเสาะหาความจริง และรำลึกในผิดบาปของตนได้ในขณะเดียวกัน



เห็นได้ชัดว่าการกำหนดเรื่องในห้องปิดตายเป็นการฉลาดยิ่งในการสร้างหนังทุนต่ำ อย่างไรก็ตามการกำหนดเรื่องให้อยู่แต่สถานที่เดิมเป็นหลักก็เป็นดาบสองคมเพราะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายง่ายมาก ลีห์สอบผ่านในการทำให้เราได้ลุ้นไปกับตัวละครได้ตลอดเรื่อง การเล่นกับภาวะทางอารมณ์และจิตใจของตัวละครในสถานการณ์คับขันขึ้นเรื่อยๆ ต้องถือว่าหนังทำออกมาได้น่าชมเชย



แก่นเรื่องในแง่ของคุณค่าของชีวิตไม่ใช่แค่มีอย่างลอยๆ แต่มันเกี่ยวข้องกับตัวละครได้อย่างดี กอร์ดอนเป็นหมอที่ไม่สนใจครอบครัวนัก อาชีพของเขาทำให้เขามีลักษณะราวกับพระเจ้าผู้กำหนดชะตาชีวิตคน เขาหลงลืมตนทั้งจริยธรรมและความประพฤติโดยฉาบเคลือบไว้ด้วยหน้าที่อันมีเกียรติอย่างหมอ แต่แท้จริงแล้วเขาก็เป็นปุถุชนธรรมดา แม้เราจะเห็นเขาพยายามหาหนทางที่ดีกว่าการทำตามผู้ร้าย แต่ด้านมืดในตัวเขาก็เผยขึ้นทุกทีเช่นเดียวกับที่จิ๊กซอว์มองเห็น การมองไม่เห็นคุณค่าชีวิตของครอบครัว และตนเองที่ฆาตกรต้องการสอนสั่งจึงแสดงพลังของมันออกมาอย่างเด่นชัดในช่วงท้าย



อย่างไรก็ตามแม้ ลีห์ จะสามารถกำหนดสถานการณ์ต่างๆ กับแง่คิดที่น่าสนใจ Saw เองก็มีรูโหว่ที่ปิดไม่มิดในการเฉลยเรื่องตอนท้ายแบบขอไปที เพียงย้ำสาระเรื่องคุณค่าของชีวิตให้เด่นชัดจนขาดความสมเหตุสมผล ในขณะที่ช่วงท้ายของหนังที่ตัวละครมีอารมณ์หนักหนาขึ้นไปทุกที การปูพื้นเรื่องราวของตัวละครก็ดูจะไม่เพียงพอกับการกระทำที่เกิดขึ้นของทั้งคู่ได้ดีนัก และแน่นอนที่สุดก็ด้วยบทสนทนาพื้นๆ ที่หลุดมาบ่อยๆ เพียงเพื่อบอกอุปนิสัยใจคอ ความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละฝ่าย แบบง่ายไปหน่อย ก็ทำให้หนังซึ่งต้องอาศัยผู้พิสมัยหนังสยองขวัญหนักๆ อันมีกลุ่มทีไม่ใช่วงกว้าง ต้องใคร่ครวญถึงคุณภาพที่หนังมีให้ไม่มากก็น้อย

โดยส่วนตัวจุดมุ่งหมายของ Saw อย่างน้อยต้องถือว่าประสบความสำเร็จของการเป็นหนังสยองขวัญ และสืบสวนสวนไปพร้อมๆกัน เพียงแค่หนังทำให้เราติดตามได้ตื่นเต้น ผวา สะอิดสะเอียนอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องถือว่าเจมส์ หวัน ได้กลายเป็นผู้กำกับที่น่าสนใจอีกคนแล้ว กับการอุดรูโหว่ในเรื่องและบทหนังไว้ได้ ซึ่งรวมไปถึงทีมงานอย่างการกำกับภาพที่หม่น และลีลาฉูดฉาด การตัดต่อที่ฉับไวได้จังหวะในช่วงที่ต้องการ และดนตรีประกอบแบบอินดัสเทรียลที่เข้ากับการออกแบบฉากในเรื่อง ฉากสยองขวัญ และตัวฆาตกรที่ใส่หน้ากาก มันอาจไม่ใช่หนังดีเลิศ ถึงพร้อม แต่ก็มีองค์ประกอบดีๆ หลายด้านที่ไม่น่ามองข้ามเช่นกัน



ว่าแต่คุณเองก็เถิดครับ เข้าข่ายมนุษย์ผู้ลืมตนเช่นเดียวกับตัวละครในเรื่องหรือเปล่า

0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home