December 25, 2002

Crouching Tiger,Hidden Dragon (2000): Episode ใหม่ของหลี่อัน กับภัยซ่อนเร้น (Phantom Menace) ในยุทธภพ

Crouching Tiger,Hidden Dragon (2000): Episode ใหม่ของหลี่อัน กับภัยซ่อนเร้น (Phantom Menace) ในยุทธภพ

7/10)
ผู้กำกับ : อังลี่
ผู้แสดงนำ : จางซิยี่,โจวเหวินฟะ,มิเชล โหย่ว,จางเพ่ยเพ่ย
บทภาพยนตร์ : เจมส์ ชามุส,หวังฮุ่ยหลิน,และไซเคียวจุง จากบทประพันธ์ของ หวังหยู่ลู่



ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเขียนก็ด้วยสาเหตุว่ารู้สึกงุนงงอยู่บางประการที่ Hero กับ Crouching Tiger,Hidden Dragon ถูกนำมาเปรียบเทียบกันเมื่อ Hero ออกฉาย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเป็นหนังจีนกำลังภายในที่ถูกสร้างกระแสฮือฮาในระดับนานาชาติ และด้วยชื่อชั้นของผู้กำกับ กับช่วงเวลาฉาย ณ ขณะที่หนังกำลังภายในเด่นๆแทบไม่มี จึงต้องนำมาเปรียบเทียบ ถกเถียง วิพากษ์ วิจารณ์

นอกเหนือจากนั้นสองเรื่องนี้แทบไม่มีอะไรใกล้เคียง ไม่ว่าจะโดยวิธีการเล่า วิธีงานสร้าง เป้าหมายของผู้กำกับ

Hero โดดเด่นด้วยการใช้ความถนัดจัดเจนทางด้านศิลปะภาพยนตร์ของจางอี้โหมว นำเสนอเรื่องราวด้วยการเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวละคร เพื่อสื่อสารกับคนดูระดับกว้างขึ้น และด้วยการนำเสนอบางอย่างตรงๆ อาจทำให้คนดูรู้สึกว่า “ง่ายเกินไป”(แต่สำหรับผมถือเป็นความง่ายที่งดงามตระการตายิ่ง) กอปรกับงานภาพที่เน้นความกว้างยิ่งใหญ่ และตัวละครถูกเล่าด้วยมุมมองคนอื่นทำให้เราอาจรู้สึกผูกพันกับพวกเขาน้อยเกินไป ซึ่งผมถือเป็นข้อเสียบางประการของงานประเภทนี้อยู่แล้ว

ขณะที่ Crouching Tiger,Hidden Dragon นำเสนอด้วยเนื้อหาที่เอื้อต่อเอกลักษณ์และมุมมองอันเชี่ยวชาญของอั้งลี่ หนังเล่าเรื่องคล้ายรูปแบบเดิมของหนังกำลังภายในแบบต้นไปจนจบ แต่ผสมผสานศิลปะภาพยนตร์แบบตะวันตกให้เข้มข้นขึ้น เพื่อความตะวันออกจะได้ขับออกมาอย่างโดดเด่น และจัดเป็นงานเน้นความบันเทิงในวงกว้างมากที่สุดของอั้งลี่ อย่างไรก็ตามมันก็กลมกลืนสวยงาม ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์อย่างท่วมท้น เป็นการเปิดศักราชใหม่แก่หนังเอเชียแก่สากลอีกครั้ง

อังลี่คงเอกลักษณ์เสมอในการสร้างตัวละครบุคลิกชนิดตรงข้ามมาเผชิญหน้ากันในสถานการณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกย์หนุ่มและหญิงสาวชาวจีนที่ถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชน(Wedding Banquet), พ่อครัววัยชรากับลูกสาวหัวสมัยใหม่(Eat Drink Man Woman),หญิงสาวผู้ดีอังกฤษผู้ปิดกั้นรักกับน้องสาวหัวสมัยใหม่(Sense And Sensibility) ความขัดแย้งดังกล่าวสะท้อนปัญหาช่องว่างระหว่างวัยและความต่างแห่งวัฒนธรรม เขาได้ค่อยนำเสนอมันอย่างนุ่มนิ่มแต่ลงลึกในรายละเอียดซึ่งพอดีสอดคล้องกับทางแก้และหาทางออกในปัญหาความขัดแย้งต่างๆในเรื่องอย่างเรียบง่ายกลมกลืน

ดูจากทีมงานไม่ว่าจะเป็นงานกำกับภาพโดย ปีเตอร์ เปา,ประพันธ์ดนตรีโดย แทนดัน, ร้องและเชลโลประกอบเพลงเด่นโดย โคโค่ลี และโหย่วโยหม่าตามลำดับ รวมถึงทีมงานหลักทั้งหลายที่เป็นชาวจีน Crouching Tiger,Hidden Dragon ดูจะเป็นไปเพื่อการประกาศศักดา โชว์ความอลังการแห่งหนังเอเชีย ด้วยคุณภาพและความบันเทิง

“เสือซ่อน มังกรหลบ” ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของหวังหยู่ลู่ โดยทีมเขียนบท เจมส์ ชามุส,หวังฮุ่ยหลิน,และไซเคียวจุง จัดเป็นเรื่องแนวกำลังภายในที่เนื้อหาสวยงามไม่ต่างกับโศกนาฏกรรมกรีก กล่าวถึงความวุ่นวายที่เกิดจากกระบี่หยกของจอมยุทธเลื่องชื่อหลี่มู่ไป๋(โจวเหวินฟะ)หลังจากที่เขาเริ่มเข้าถึงแก่นแท้แห่งกระบี่ไม่ต่างจากการบรรลุธรรม เขาจึงฝากกระบี่หยกซึ่งเคยสร้างชื่อแก่เขาให้กับจอมยุทธหยู่ซู่เหลียน(มิเชล โหย่ว)ผู้ที่เขารักแต่ไม่อาจเอ่ยปากด้วยม่านประเพณี เธอนำไปฝากผู้ดีตระกูลหนึ่งซึ่งมีเช็ง(จางจื่ออี้) คุณหนูประจำตระกูลแสดงความหลงใหลโลกยุทธภพและกระบี่อย่างน่าแปลกใจ


หนังไม่ปิดบังเลยที่ต่อมาเช็งคือผู้ที่กลายเป็นโจรขโมยกระบี่ดังกล่าวไป นางแอบฝึกฝนวิทยายุทธกับจิ้งจองหยก นางมารที่จอมยุทธหลี่ตามหามานาน ซึ่งเป็นแม่บ้านเลี้ยงนางฝึกวรยุทธให้นางแต่เล็ก ด้วยความใจอ่อนของยอดยุทธทั้งคู่ เช็งจึงหนีรอดไปได้พร้อมๆกับการหายไปของจิ้งจอกหยก จอมยุทธหลี่ต้องการให้คนมีพรสวรรค์อย่างเช็งเข้าหาด้านดีและสำนึกผิด แต่ด้วยอารมณ์ผิดหวังจากโลกยุทธภพและถูกจับคลุมถุงชนตามประเพณี เช็งจึงก่อเรื่องร้ายแรงอีกครั้งและดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นโดยการขโมยกระบี่อาละวาดไปทั่ว จอมยุทธหลี่มาขัดขวางและสั่งสอนอีกพร้อมๆกับการมาของจิ้งจอกหยก ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ส่งผลร้ายแรงเกินกว่าที่เช็งเองจะตระหนักถึงคำที่หยู่ซู่เหลียนเอ่ยถึงบ่อยครั้งคือ “ความซื่อสัตย์”ในยุทธภพซึ่งฟังดูเหมือนง่ายแต่แท้จริงกลับทำได้ยากนัก

บทสรุปทิ้งท้ายอาจไม่งดงามดังหลายๆงานของผู้กำกับไต้หวันคนนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามกฎและสัจธรรมแห่งยุทธภพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงทางอื่นใด และถือเป็นการลุแก่จิตใจใฝ่ดีที่เช็งเคยมีในปูมหลัง

ฉากโดดเด่นประจำเรื่องไม่อาจหนีพ้นความสวยงามในการสะท้อนการต่อสู้ของจอมยุทธหลี่กับเช็งในป่าไผ่ โทนสีเขียวอันสะท้อนการเข้าใกล้กลมกลืนธรรมชาติของจอมยุทธหลี่ที่พลิกพลิ้วในลีลาขณะที่เช็งพบว่ายอดกระบี่ไม่อาจช่วยนางได้เมื่อพบกับของจริง

ส่วนที่ถือเป็นจุดอ่อนนอกจากนี้คือการย้อนความของเช็งที่ยาวกลืนไปค่อนเรื่อง และฉากช่วงท้ายของเช็งซึ่งบู๊สะบัดในโรงเตี๊ยมชนิด “พังโรงเตี๊ยมในดาบเดียว” นั้นแม้จะสะท้อนภาพบู๊ลิ้มด้วยมุมมองด้านลบของเช็ง แต่ตัวละครจอมยุทธทั้งหลายก็ดูขบขันและตลกเกินกว่าจะใช้คำว่าเย้ยหยัน รวมไปถึงฉากต่อสู้ดวลกันระหว่างเช็งกับหยู่ซู่เหลียนก็ยาวนานและไม่เน้นอารมณ์ความผูกพันของตัวละครทั้งสองทำให้ฉากที่น่าจะแรงอ่อนลงไปอย่างน่าเสียดาย




ใน Crouching Tiger,Hidden Dragon อั้งลี่สร้างรายละเอียดความซับซ้อนของเนื้อหาลดลงจากเดิม เน้นการสื่อสารที่มีความบันเทิงมากขึ้น แต่เขาก็เติมเต็มด้วยการฟื้นคืนฉากวิทยายุทธอันน่าตื่นตาแบบดั้งเดิมให้ประจักษ์แก่คนดูอีกครั้ง พร้อมทั้งเพิ่มรายละเอียดให้กับบุคลิกตัวละครทั้งหลายที่มีบทบาทโลดแล่น



คุณหนูเช็งที่กลายเป็นโจรขโมยกระบี่หยก ภูมิหลังเบื้องลึกเกี่ยวพันกับโจรอย่างลึกซึ้ง หลังจากที่ถูกปลุกปั่นจากจิ้งจอกเงิน และมองยุทธภพอย่างดูแคลน เธอผิดหวังในทุกๆสิ่ง ลังเลในทุกๆอย่าง แต่ขับเคลื่อนชีวิตไปอย่างดื้อรั้นด้วยพรสวรรค์แห่งพลังยุทธ โกหกแม้กระทั่งความรักของตน จนท้ายที่สุดเธอเองก็รู้ดีว่า...ทุกอย่างก็ดูจะสายเกินแก้

จอมยุทธหลี่มู่ไป๋ และหยู่ซู่เหลียน ทั้งคู่เก่งกาจในวิทยายุทธที่ฝึกปรือมาจนเป็นดั่งตำนาน แต่กลับไม่คิดรู้จักเปิดเผยความรักให้กัน รวมถึงยังเพิ่งค้นพบว่าอำนาจมืดที่แท้จริงประมาทไม่ได้ แม้เพียงผู้หญิงคนหนึ่งก็อาจก่อความปั่นป่วนทั่วยุทธภพหากใจอ่อนและไม่เด็ดขาดเพียงพอ

หรือแม้แต่ เมฆครึ่งฟ้า(หยาง เชิน) โจรทะเลทรายคนรักของเช็งที่ต้องเหลือความฝันเพียงครึ่งหนึ่งเพื่อกองโจร เฉกเดียวกับฉายาของเขา

แต่ตัวละครที่ผมสนใจที่สุดในผลงานชิ้นนี้ คือการมีตัวละครอย่าง จิ้งจอกหยก(เจิ้งเพ่ยเพ่ย ราชินีจอเงินแห่งชอว์บราเธอร์ในบทสมทบที่สำคัญยิ่ง) ตัวละครดังกล่าวมีสองบทบาทคือแม่บ้านเลี้ยงดูเช็งมาแต่เล็ก และจอมโจรจิ้งจอกหยก บทบาทแรกและอย่างหลังตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงในการกระทำและคำพูดในการสอนเช็งจนอาจสร้างความไขว้เขวไม่ต่างกับตัวเช็งเองที่ตกหลุมพรางว่านางเป็นแม่บ้านผู้ภักดีหรือโจรผู้ตลบตะแลงกันแน่

อาจกล่าวได้ว่าบทบาทของจิ้งจอกหยกเป็นบทบาทเสมือนของตัวแทน “ความชั่วร้าย” อย่างเห็นได้ชัด เมื่อใดที่นางแปลงเป็นจิ้งจอกหยกมักอยู่ในความมืด ยิ่งเมื่อนางผสมผสานบทบาทแห่งแม่บ้านและจอมโจรในช่วงท้ายทุกคนก็ได้ตกหลุมพรางเข้าสู่ด้านมืด(ถ้ำ)ที่นางล่อไว้

ภายนอกนางอาจดูไม่แข็งแกร่งผิดกับชื่อเสียงอันน่ากลัว หากแต่ความน่ากลัวของความชั่วร้ายอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อใดที่คนตกอยู่ในความประมาทและสับสน เมื่อนั้นคือการถูกครอบงำโดยความชั่วร้าย เช่นเดียวกับคำพูดของนางที่พูดแต่ความจริง แต่มันก็เป็นความจริงที่ชวนเบือนหน้าหนีและมองโลกอย่างมืดดำ(“อาจารย์เจ้ามันชั่วช้านักหลับนอนกับข้าแล้วยังไม่ยอมสอนวิชาให้ มันตายก็สมควรแล้ว”, “ใครกันแน่ที่เป็นโจรโดยสันดาน นางหรือว่าข้ากันแน่”) ซึ่งเป็นเรื่องที่คนดูต้องตระหนักเองว่าจะไขว้เขวไปกับความชั่วร้ายหรือมองโลกด้วยอุดมคติ

เมื่อเทียบชื่อกัน “จิ้งจอกหยก” ก็พ้องกับ “กระบี่หยก” ที่เสมือนดาบสองคม มันอาจเป็นอาวุธในตำนานของยอดยุทธ แต่มันก็ใช้เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ได้เช่นกัน

ทุกอย่างทุกตัวละครมี “ภัยซ่อนเร้น” หรือสิ่งหลบเร้นคลุมเครืออยู่ในตัวเสมอ และดูเหมือนอั้งลี่จะสนุกกับการเล่นที่ว่าตลอด ทั้งการปิดบังซ่อนรักที่มีของเช็งกับเมฆครึ่งฟ้า,คำพูดของเมฆครึ่งฟ้าที่ถามเช็งว่าเป็นชาว “ฮั่น”หรือ “ชิง”, บทบาทของหยู่ซู่เหลียนที่รู้ตัวตนของเช็งเป็นอย่างดีแต่ซ่อนไว้ในฐานะของพี่สาวแสนดี, ความรักของหลี่มู่ไป๋กับหยู่ซู่เหลียน, อาการหลงใหลกระบี่โดยไม่รู้ตัวของจอมยุทธหลี่ และรวมไปถึงประเพณีที่ขวางกั้นอุดมคติขั้นพื้นฐานอย่างความรักและความอิสระ (เหมือนกับชื่อเรื่องที่อาจไม่ได้หมายถึงเช็ง กับหลี่มู่ไป๋ แต่หมายถึงอำนาจบางอย่างที่หลบเร้นพลังไว้ก็ย่อมได้เช่นกัน)

ปี 2003 ก็ไม่น่าเหมือนกันว่า อังลี่ จะทำ Incredible Hulk ที่ว่าอารมณ์โทสะอันพลุ่งพล่านในมนุษย์ เป็นภัยซ่อนเร้น Episode II ก็เป็นได้


0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home