August 18, 2004

Scorched ฝันกลางวันของเหล่าเนยแข็ง





Scorched

ฝันกลางวันของเหล่าเนยแข็ง

5/10


ผู้กำกับ : เกวิน เกรเซอร์
เรื่อง : จอห์น วีน และแม็กซ์ วีน
บทภาพยนตร์ : จอห์น วีน
ผู้แสดง : วู้ดดี้ ฮาเรลสัน, อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน, จอห์น คลีส, ราเชล ลีห์ คุ๊ค

หนังโจรกรรมแนวตลกเรื่องนี้ว่าด้วยพนักงานธนาคาร และตัวละครที่พัวพันกับการปล้นธนาคารที่เกิดขึ้นในเช้าวันจันทร์ อันประกอบไปด้วย ชีล่า(อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน) พนักงานธนาคารสาวสวยที่เพิ่งถูกทิ้งจากแฟนหนุ่มผู้จัดการธนาคารของเธอเอง(โจชัวร์ ลีโอนาร์ด)จนเธอเองไม่อยากจะไปทำงานเจอหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอคิดอยู่เหมือนกันว่าจะหาทางแก้เผ็ดเขาให้ได้อยู่เหมือนกัน, วู้ดส์(วู้ดดี้ ฮาเรลสัน) พนักงานธนาคารที่เบื่อหน่ายกับการเป็นลูกไล่ผู้จัดการ และอยากใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ตัวเขาอยากแก้แค้นนักธุรกิจที่มีนามว่า มร.เมอร์แชนท์(จอห์น คลีส) ที่เป็นพวกนายทุนหาเงินนอกระบบ และนักล่าสัตว์ที่ทำกับสัตว์ราวกับของเล่น, สตู(เปาโล คอสแตนโซ) พนักงานอีกคน และแม็กซ์ (เดวิด ครัมโฮลทซ์) เพื่อนที่ชอบติดเงิน คิดอะไรไม่เป็นจริงเป็นจัง แต่เมื่อสตูเสนอแผนการนำเงินจากธนาคารไปเล่นพนันในบ่อนคาสิโน ในวันเสาร์-อาทิตย์ และนำเงินที่ได้นั้นมาแทน แม็กซ์กลับเห็นดีเห็นงามด้วย ทั้งที่มันเป็นเรื่องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางแท้ๆ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเพื่อนของพวกเขาอีกสองคนที่เป็นคู่รักกัน คือ ชมอลล์(ราเชล ลีห์ คุ๊ค) และ โดลแมน (มาร์คัส โธมัส) ที่ชอบเล่นเกมส์การ์ดแนวแฟนตาซี หญิงสาวชอบทำอะไรหลุดโลกให้สะใจ ขณะที่ชายหนุ่มก็กำลังตกงานอยู่พอดี ทำให้พวกเขาเองก็มีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับการปล้นได้เหมือนกัน



หากจะเปรียบว่า Scorched มีสภาพอย่างไร ก็ต้องบอกว่าไม่ต่างจากคำเปรียบเปรยของ โดลแมน ตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องเปรียบเปรยถึงสภาพของตนไว้ว่าไม่ต่างจากเนยแข็งที่ต้องอยู่ในห่วงโซ่อาหารของธรรมชาติเป็นอันดับสุดท้าย และอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั่นเอง เพราะเมื่อพิจารณาจากสภาพของทีมงานที่ใหม่มากอย่าง นักแสดงประกอบที่มาเป็นผู้กำกับแต่ยังไม่มีหนังฉายในวงกว้างเลย(แม้แต่เรื่องนี้)อย่าง เกวิน เกรเซอร์ , จอห์น วีน มือเขียนบทหน้าใหม่, อดีตนักแสดงฝีมือดีที่เคยมีงานชุกในช่วงยุค 80 - 90s อย่าง ฮาเรลสัน, และคลีส กับนักแสดงวัยรุ่นที่เคยมาแรงกับงานแจ้งเกิด อย่าง อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน และ ราเชล ลีห์ คุ๊ค ที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในช่วงขาลงกันถ้วนหน้า กอปรกับรายได้ 8,000 เหรียญ !! ของหนังที่ยังไม่สามารถในวงกว้างจนมีโรงฉาย 12 โรง ฉายได้เพียง 3 วันในสหรัฐตั้งแต่ปี 2003 โน่น ก่อนจะกลายเป็นรูปแบบโฮมวิดีโอในโอกาสข้างหน้า มันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดว่าพวกเขามีสภาพอย่างเนยแข็งดังกล่าว



ก็ประหลาดดีเหมือนกันที่ Scorched กลายเป็นหนังที่จากทั้งเนื้อเรื่อง สถานภาพของมัน ได้ทำหน้าที่เป็นประจักษ์พยานในการบ่งบอกถึงสภาพของนักแสดง และผู้สร้างได้อย่างไม่น่าเชื่อขนาดนี้



ตัวหนังเองในฐานะที่ไม่ได้ใช้ทุนมากมาย นักแสดงกับการรวมดาวร่วงดังกล่าว ย่อมทำให้เราเห็นความประดักประเดิกบางอย่างไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเรื่องโดยใช้สายตาผู้ชมแทนรถที่แล่นตามถนนกลางทะเลยทรายได้เหมือนจะดูดี แต่กลับมีฉากซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ของชมอลล์ที่น่าเวียนหัวมาแทน การเลือกตัวนักแสดงและโลเคชั่นที่ไม่น่าเชื่อถือด้วยประการทั้งปวง เพราะผมไม่เชื่อเอาเลยว่าพนักงานธนาคารแต่ละคนมันจะแตกต่างกันได้ขนาดนี้ ตั้งแต่สาวสวยหน้าตาบ้องแบ้ว, หนุ่มใหญ่รักธรรมชาติ, และวัยรุ่นเก็บกด รวมไปถึง จอห์น คลีส ที่เล่นเป็นเศรษฐีนั่นด้วยอีกคน



แต่หากมองในความเป็นหนังตลกท่าทางและตลกเจ็บตัว(Slapstick และ Farce) ซึ่งใส่ในหนังได้อย่างลงตัว ยิ่งเมื่อมีดารามากันเพียบอย่างนี้ พวกเขาต่างก็ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาของหนังได้อย่างเก่งกาจกันถ้วนหน้าไม่พลาดในทุกๆฉากที่ต้องการเรียกเสียงหัวเราะ ไม่ว่าจะเป็นอลิเซียในแบบหนังตลกโรแมนติคแนวถนัด(แม้จะอวบอัดเหมือนเดิม), ราเชล ลีห์ คุ๊ค ในการเล่นบทตลกเพี้ยนๆ โดยเฉพาะ ฮาเรลสัน กับ คลีส ที่เด่นกว่าใครๆในลีลาของตลกท่าทาง ต้องถือว่าผู้กำกับ เกวิน เกรเซอร์ ถือว่าสอบผ่านอย่างดีในการคุมจังหวะของหนังได้ให้มีทั้งตลก และความตื่นเต้นน่าติดตาม กับการรวมดาราที่ไม่ต้องมีอัตตาใดๆ มาทำให้หนังเสียกระบวนไปมากเหมือนหนังทุนหนาหลายเรื่อง เรียกได้ว่า Scorched แม้จะขาดปัจจัยหลายๆด้านจนไม่น่าจะเป็นหนังที่ดี แต่หนังก็สร้างออกมาลงตัวในความเป็นหนังตลกโจรกรรม ดูเอาสนุกเรื่องหนึ่ง



บทของ จอห์น วีน ใช้วิธีการนำเสนอเรื่องราวของแต่ละคนแยกเป็นเอกเทศ โดยการมีหัวและท้ายเรื่องที่เชื่อมกัน แต่ละเรื่องถูกร้อยเรียงได้กลมกลืน แม้เนื้อหาแต่ละคนไม่มีอะไรซับซ้อน แต่เราก็มักพบว่าหนังอินดี้ส่วนใหญ่ที่นิยมนำเสนอแบบนี้ ด้วยตัวละครที่หลากหลาย มักตกม้าตายกันมานักต่อนักเมื่อเรื่องหลงทางจนไม่สามารถสื่อสารกับคนดูได้ Scorched ต้องถือว่าประสบความสำเร็จในการเล่าเรื่องที่มีลูกเล่นและสีสันอย่างที่หนังตลกเล็กๆ สักเรื่องทำได้



ที่น่าชื่นชมมากๆ คือแม้จะเป็นหนังตลกที่ดูไม่มีสาระอะไรมาก ตัวละครก็ไม่ได้มีความลึกอะไรเลย แต่หนังก็สื่อเรื่องของผลกระทบของทุนนิยมในตัวละครแต่ละคนได้น่าสนใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชีล่าผู้ถูกแฟนทิ้งทั้งที่ตนช่วยส่งให้เขาได้เรียนพิเศษ, การขโมยเงินของวู้ดส์จาก มร.เมอร์แชนท์ ก็เปรียบได้กับการล้างแค้นให้กับบรรดาสัตว์ป่าที่เขารัก, โดลแมน ที่กำลังเข้าทำงานเป็นพนักงานก็กำลังกลายเป็นเหยื่อคนใหม่ของระบบ แม้แต่ตัวชมอลล์ แฟนสาวของเขาที่ดูหลุดจากกรอบ แท้ที่จริงก็เป็นการหนีความจริงจากงานในห้างสรรพสินค้า รวมถึงสตู ที่แม้จะเอาเงินจากธนาคารมาเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีสุข แต่กลับพบว่ามันทำให้ชีวิตเป็นทุกข์ เมื่อเขาและแม็กซ์ไปเที่ยวที่บ่อนคาสิโน ได้ไปชมคอนเสิร์ตของร็อด สจ๊วรต์ (ภาพฝันในชีวิตของคนอเมริกัน) กลับกลายเป็นต้องมาดูศิลปินเลียนแบบแทน ชื่อของสจ๊วรต์ แทงใจดำที่เหมือนกับชื่อของเขา เพราะมันเป็นการบอกพฤติกรรมที่ทำมานั้นว่ามันเป็นความฝันที่จอมปลอมต่างหาก และท้ายที่สุดสารที่หนังต้องการสื่อกับผู้ชมในตัวละครที่หลากหลายก็เล็งไปที่จุดหมายเดียวกันคือการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งในที่นี้หลักใหญ่ย่อมหมายถึงระบบและนายทุนนั่นเอง



น่าเสียดายที่ท้ายสุดหนังกลับให้มันจบเรื่องของตัวละครทุกตัวด้วยความคิดอุดมคติอย่างง่ายๆ และทำให้ตอนท้ายที่น่าจะมีอะไรให้ลุ้นมากกว่านี้จืดชืดไปโดยสนิท



ทำให้เผลอคิดไปได้เหมือนกันว่าภาพสะท้อนสังคมแบบทุนนิยม ปลาใหญ่กินปลาเล็กที่ราวกับเหมือนสภาพจริงของหนังเล็กๆ ที่รวมนักแสดงที่ขณะนี้มีสภาพเป็นเนยแข็งผู้โดดเดี่ยวนั้น อาจจะฝันให้พวกเขาและตัวหนังมีอะไรแบบไหนหนังเรื่องนี้บ้างก็ได้





0 Comments:

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home