December 25, 2002

Crouching Tiger,Hidden Dragon (2000): Episode ใหม่ของหลี่อัน กับภัยซ่อนเร้น (Phantom Menace) ในยุทธภพ

Crouching Tiger,Hidden Dragon (2000): Episode ใหม่ของหลี่อัน กับภัยซ่อนเร้น (Phantom Menace) ในยุทธภพ

7/10)
ผู้กำกับ : อังลี่
ผู้แสดงนำ : จางซิยี่,โจวเหวินฟะ,มิเชล โหย่ว,จางเพ่ยเพ่ย
บทภาพยนตร์ : เจมส์ ชามุส,หวังฮุ่ยหลิน,และไซเคียวจุง จากบทประพันธ์ของ หวังหยู่ลู่



ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเขียนก็ด้วยสาเหตุว่ารู้สึกงุนงงอยู่บางประการที่ Hero กับ Crouching Tiger,Hidden Dragon ถูกนำมาเปรียบเทียบกันเมื่อ Hero ออกฉาย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเป็นหนังจีนกำลังภายในที่ถูกสร้างกระแสฮือฮาในระดับนานาชาติ และด้วยชื่อชั้นของผู้กำกับ กับช่วงเวลาฉาย ณ ขณะที่หนังกำลังภายในเด่นๆแทบไม่มี จึงต้องนำมาเปรียบเทียบ ถกเถียง วิพากษ์ วิจารณ์

นอกเหนือจากนั้นสองเรื่องนี้แทบไม่มีอะไรใกล้เคียง ไม่ว่าจะโดยวิธีการเล่า วิธีงานสร้าง เป้าหมายของผู้กำกับ

Hero โดดเด่นด้วยการใช้ความถนัดจัดเจนทางด้านศิลปะภาพยนตร์ของจางอี้โหมว นำเสนอเรื่องราวด้วยการเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวละคร เพื่อสื่อสารกับคนดูระดับกว้างขึ้น และด้วยการนำเสนอบางอย่างตรงๆ อาจทำให้คนดูรู้สึกว่า “ง่ายเกินไป”(แต่สำหรับผมถือเป็นความง่ายที่งดงามตระการตายิ่ง) กอปรกับงานภาพที่เน้นความกว้างยิ่งใหญ่ และตัวละครถูกเล่าด้วยมุมมองคนอื่นทำให้เราอาจรู้สึกผูกพันกับพวกเขาน้อยเกินไป ซึ่งผมถือเป็นข้อเสียบางประการของงานประเภทนี้อยู่แล้ว

ขณะที่ Crouching Tiger,Hidden Dragon นำเสนอด้วยเนื้อหาที่เอื้อต่อเอกลักษณ์และมุมมองอันเชี่ยวชาญของอั้งลี่ หนังเล่าเรื่องคล้ายรูปแบบเดิมของหนังกำลังภายในแบบต้นไปจนจบ แต่ผสมผสานศิลปะภาพยนตร์แบบตะวันตกให้เข้มข้นขึ้น เพื่อความตะวันออกจะได้ขับออกมาอย่างโดดเด่น และจัดเป็นงานเน้นความบันเทิงในวงกว้างมากที่สุดของอั้งลี่ อย่างไรก็ตามมันก็กลมกลืนสวยงาม ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์อย่างท่วมท้น เป็นการเปิดศักราชใหม่แก่หนังเอเชียแก่สากลอีกครั้ง

อังลี่คงเอกลักษณ์เสมอในการสร้างตัวละครบุคลิกชนิดตรงข้ามมาเผชิญหน้ากันในสถานการณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกย์หนุ่มและหญิงสาวชาวจีนที่ถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชน(Wedding Banquet), พ่อครัววัยชรากับลูกสาวหัวสมัยใหม่(Eat Drink Man Woman),หญิงสาวผู้ดีอังกฤษผู้ปิดกั้นรักกับน้องสาวหัวสมัยใหม่(Sense And Sensibility) ความขัดแย้งดังกล่าวสะท้อนปัญหาช่องว่างระหว่างวัยและความต่างแห่งวัฒนธรรม เขาได้ค่อยนำเสนอมันอย่างนุ่มนิ่มแต่ลงลึกในรายละเอียดซึ่งพอดีสอดคล้องกับทางแก้และหาทางออกในปัญหาความขัดแย้งต่างๆในเรื่องอย่างเรียบง่ายกลมกลืน

ดูจากทีมงานไม่ว่าจะเป็นงานกำกับภาพโดย ปีเตอร์ เปา,ประพันธ์ดนตรีโดย แทนดัน, ร้องและเชลโลประกอบเพลงเด่นโดย โคโค่ลี และโหย่วโยหม่าตามลำดับ รวมถึงทีมงานหลักทั้งหลายที่เป็นชาวจีน Crouching Tiger,Hidden Dragon ดูจะเป็นไปเพื่อการประกาศศักดา โชว์ความอลังการแห่งหนังเอเชีย ด้วยคุณภาพและความบันเทิง

“เสือซ่อน มังกรหลบ” ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของหวังหยู่ลู่ โดยทีมเขียนบท เจมส์ ชามุส,หวังฮุ่ยหลิน,และไซเคียวจุง จัดเป็นเรื่องแนวกำลังภายในที่เนื้อหาสวยงามไม่ต่างกับโศกนาฏกรรมกรีก กล่าวถึงความวุ่นวายที่เกิดจากกระบี่หยกของจอมยุทธเลื่องชื่อหลี่มู่ไป๋(โจวเหวินฟะ)หลังจากที่เขาเริ่มเข้าถึงแก่นแท้แห่งกระบี่ไม่ต่างจากการบรรลุธรรม เขาจึงฝากกระบี่หยกซึ่งเคยสร้างชื่อแก่เขาให้กับจอมยุทธหยู่ซู่เหลียน(มิเชล โหย่ว)ผู้ที่เขารักแต่ไม่อาจเอ่ยปากด้วยม่านประเพณี เธอนำไปฝากผู้ดีตระกูลหนึ่งซึ่งมีเช็ง(จางจื่ออี้) คุณหนูประจำตระกูลแสดงความหลงใหลโลกยุทธภพและกระบี่อย่างน่าแปลกใจ


หนังไม่ปิดบังเลยที่ต่อมาเช็งคือผู้ที่กลายเป็นโจรขโมยกระบี่ดังกล่าวไป นางแอบฝึกฝนวิทยายุทธกับจิ้งจองหยก นางมารที่จอมยุทธหลี่ตามหามานาน ซึ่งเป็นแม่บ้านเลี้ยงนางฝึกวรยุทธให้นางแต่เล็ก ด้วยความใจอ่อนของยอดยุทธทั้งคู่ เช็งจึงหนีรอดไปได้พร้อมๆกับการหายไปของจิ้งจอกหยก จอมยุทธหลี่ต้องการให้คนมีพรสวรรค์อย่างเช็งเข้าหาด้านดีและสำนึกผิด แต่ด้วยอารมณ์ผิดหวังจากโลกยุทธภพและถูกจับคลุมถุงชนตามประเพณี เช็งจึงก่อเรื่องร้ายแรงอีกครั้งและดูเหมือนจะหนักข้อขึ้นโดยการขโมยกระบี่อาละวาดไปทั่ว จอมยุทธหลี่มาขัดขวางและสั่งสอนอีกพร้อมๆกับการมาของจิ้งจอกหยก ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ส่งผลร้ายแรงเกินกว่าที่เช็งเองจะตระหนักถึงคำที่หยู่ซู่เหลียนเอ่ยถึงบ่อยครั้งคือ “ความซื่อสัตย์”ในยุทธภพซึ่งฟังดูเหมือนง่ายแต่แท้จริงกลับทำได้ยากนัก

บทสรุปทิ้งท้ายอาจไม่งดงามดังหลายๆงานของผู้กำกับไต้หวันคนนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามกฎและสัจธรรมแห่งยุทธภพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงทางอื่นใด และถือเป็นการลุแก่จิตใจใฝ่ดีที่เช็งเคยมีในปูมหลัง

ฉากโดดเด่นประจำเรื่องไม่อาจหนีพ้นความสวยงามในการสะท้อนการต่อสู้ของจอมยุทธหลี่กับเช็งในป่าไผ่ โทนสีเขียวอันสะท้อนการเข้าใกล้กลมกลืนธรรมชาติของจอมยุทธหลี่ที่พลิกพลิ้วในลีลาขณะที่เช็งพบว่ายอดกระบี่ไม่อาจช่วยนางได้เมื่อพบกับของจริง

ส่วนที่ถือเป็นจุดอ่อนนอกจากนี้คือการย้อนความของเช็งที่ยาวกลืนไปค่อนเรื่อง และฉากช่วงท้ายของเช็งซึ่งบู๊สะบัดในโรงเตี๊ยมชนิด “พังโรงเตี๊ยมในดาบเดียว” นั้นแม้จะสะท้อนภาพบู๊ลิ้มด้วยมุมมองด้านลบของเช็ง แต่ตัวละครจอมยุทธทั้งหลายก็ดูขบขันและตลกเกินกว่าจะใช้คำว่าเย้ยหยัน รวมไปถึงฉากต่อสู้ดวลกันระหว่างเช็งกับหยู่ซู่เหลียนก็ยาวนานและไม่เน้นอารมณ์ความผูกพันของตัวละครทั้งสองทำให้ฉากที่น่าจะแรงอ่อนลงไปอย่างน่าเสียดาย




ใน Crouching Tiger,Hidden Dragon อั้งลี่สร้างรายละเอียดความซับซ้อนของเนื้อหาลดลงจากเดิม เน้นการสื่อสารที่มีความบันเทิงมากขึ้น แต่เขาก็เติมเต็มด้วยการฟื้นคืนฉากวิทยายุทธอันน่าตื่นตาแบบดั้งเดิมให้ประจักษ์แก่คนดูอีกครั้ง พร้อมทั้งเพิ่มรายละเอียดให้กับบุคลิกตัวละครทั้งหลายที่มีบทบาทโลดแล่น



คุณหนูเช็งที่กลายเป็นโจรขโมยกระบี่หยก ภูมิหลังเบื้องลึกเกี่ยวพันกับโจรอย่างลึกซึ้ง หลังจากที่ถูกปลุกปั่นจากจิ้งจอกเงิน และมองยุทธภพอย่างดูแคลน เธอผิดหวังในทุกๆสิ่ง ลังเลในทุกๆอย่าง แต่ขับเคลื่อนชีวิตไปอย่างดื้อรั้นด้วยพรสวรรค์แห่งพลังยุทธ โกหกแม้กระทั่งความรักของตน จนท้ายที่สุดเธอเองก็รู้ดีว่า...ทุกอย่างก็ดูจะสายเกินแก้

จอมยุทธหลี่มู่ไป๋ และหยู่ซู่เหลียน ทั้งคู่เก่งกาจในวิทยายุทธที่ฝึกปรือมาจนเป็นดั่งตำนาน แต่กลับไม่คิดรู้จักเปิดเผยความรักให้กัน รวมถึงยังเพิ่งค้นพบว่าอำนาจมืดที่แท้จริงประมาทไม่ได้ แม้เพียงผู้หญิงคนหนึ่งก็อาจก่อความปั่นป่วนทั่วยุทธภพหากใจอ่อนและไม่เด็ดขาดเพียงพอ

หรือแม้แต่ เมฆครึ่งฟ้า(หยาง เชิน) โจรทะเลทรายคนรักของเช็งที่ต้องเหลือความฝันเพียงครึ่งหนึ่งเพื่อกองโจร เฉกเดียวกับฉายาของเขา

แต่ตัวละครที่ผมสนใจที่สุดในผลงานชิ้นนี้ คือการมีตัวละครอย่าง จิ้งจอกหยก(เจิ้งเพ่ยเพ่ย ราชินีจอเงินแห่งชอว์บราเธอร์ในบทสมทบที่สำคัญยิ่ง) ตัวละครดังกล่าวมีสองบทบาทคือแม่บ้านเลี้ยงดูเช็งมาแต่เล็ก และจอมโจรจิ้งจอกหยก บทบาทแรกและอย่างหลังตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงในการกระทำและคำพูดในการสอนเช็งจนอาจสร้างความไขว้เขวไม่ต่างกับตัวเช็งเองที่ตกหลุมพรางว่านางเป็นแม่บ้านผู้ภักดีหรือโจรผู้ตลบตะแลงกันแน่

อาจกล่าวได้ว่าบทบาทของจิ้งจอกหยกเป็นบทบาทเสมือนของตัวแทน “ความชั่วร้าย” อย่างเห็นได้ชัด เมื่อใดที่นางแปลงเป็นจิ้งจอกหยกมักอยู่ในความมืด ยิ่งเมื่อนางผสมผสานบทบาทแห่งแม่บ้านและจอมโจรในช่วงท้ายทุกคนก็ได้ตกหลุมพรางเข้าสู่ด้านมืด(ถ้ำ)ที่นางล่อไว้

ภายนอกนางอาจดูไม่แข็งแกร่งผิดกับชื่อเสียงอันน่ากลัว หากแต่ความน่ากลัวของความชั่วร้ายอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อใดที่คนตกอยู่ในความประมาทและสับสน เมื่อนั้นคือการถูกครอบงำโดยความชั่วร้าย เช่นเดียวกับคำพูดของนางที่พูดแต่ความจริง แต่มันก็เป็นความจริงที่ชวนเบือนหน้าหนีและมองโลกอย่างมืดดำ(“อาจารย์เจ้ามันชั่วช้านักหลับนอนกับข้าแล้วยังไม่ยอมสอนวิชาให้ มันตายก็สมควรแล้ว”, “ใครกันแน่ที่เป็นโจรโดยสันดาน นางหรือว่าข้ากันแน่”) ซึ่งเป็นเรื่องที่คนดูต้องตระหนักเองว่าจะไขว้เขวไปกับความชั่วร้ายหรือมองโลกด้วยอุดมคติ

เมื่อเทียบชื่อกัน “จิ้งจอกหยก” ก็พ้องกับ “กระบี่หยก” ที่เสมือนดาบสองคม มันอาจเป็นอาวุธในตำนานของยอดยุทธ แต่มันก็ใช้เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ได้เช่นกัน

ทุกอย่างทุกตัวละครมี “ภัยซ่อนเร้น” หรือสิ่งหลบเร้นคลุมเครืออยู่ในตัวเสมอ และดูเหมือนอั้งลี่จะสนุกกับการเล่นที่ว่าตลอด ทั้งการปิดบังซ่อนรักที่มีของเช็งกับเมฆครึ่งฟ้า,คำพูดของเมฆครึ่งฟ้าที่ถามเช็งว่าเป็นชาว “ฮั่น”หรือ “ชิง”, บทบาทของหยู่ซู่เหลียนที่รู้ตัวตนของเช็งเป็นอย่างดีแต่ซ่อนไว้ในฐานะของพี่สาวแสนดี, ความรักของหลี่มู่ไป๋กับหยู่ซู่เหลียน, อาการหลงใหลกระบี่โดยไม่รู้ตัวของจอมยุทธหลี่ และรวมไปถึงประเพณีที่ขวางกั้นอุดมคติขั้นพื้นฐานอย่างความรักและความอิสระ (เหมือนกับชื่อเรื่องที่อาจไม่ได้หมายถึงเช็ง กับหลี่มู่ไป๋ แต่หมายถึงอำนาจบางอย่างที่หลบเร้นพลังไว้ก็ย่อมได้เช่นกัน)

ปี 2003 ก็ไม่น่าเหมือนกันว่า อังลี่ จะทำ Incredible Hulk ที่ว่าอารมณ์โทสะอันพลุ่งพล่านในมนุษย์ เป็นภัยซ่อนเร้น Episode II ก็เป็นได้


December 20, 2002

Hero อีกลักษณ์ใหม่แห่งหนังกำลังภายใน

หากหนังคาวบอย(Western) คือมรดกล้ำค่าของภาพยนตร์อเมริกัน หนังกำลังภายในก็ดูจะมีคุณค่าและสถานะไม่ต่างกันในภาพยนตร์จีน ด้วยรูปลักษณ์และจุดเด่นที่ใกล้เคียงตั้งแต่ การนำเสนอหนังย้อนยุคด้วยเรื่องราวที่ข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ โลกของคนพิเศษกว่าคนธรรมดา การแต่งกายและบุคลิกตัวละครที่ไม่อาจหาจากหนังแนวอื่นใดได้

นอกจากนี้หนังคาวบอยกับหนังกำลังภายในยังเกี่ยวดองกันอยู่ไม่น้อย นักประพันธ์นามกระเดื่องอย่างโกวเล้งได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมของหลุยส์ ลามูร์หลายเรื่องมาดัดแปลงจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำงานของตกเอง และตกทอดไปสู่ภาพยนตร์

อย่างไรก็ตามความดีเด่นที่เหนือกว่าของหนังกำลังภายในนั้นเห็นได้ชัดกว่า สังเกตได้จากการนำเสนอเรื่องของยุคสมัยที่หลากหลายกว่าเพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศจีนเอื้อกว่ายุคก่อร่างสร้างประเทศอเมริกัน บทประพันธ์ที่ถูกดัดแปลงมีตั้งแต่วรรณกรรม,ประวัติศาสตร์,พงศาวดาร ไปจนถึงอุปรากรงิ้ว

ถึงกระนั้นจากการผลิตอันหนักหน่วงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกงมายาวนาน ตั้งแต่ยุคชอว์ บราเธอร์-โกลเด้น ฮาร์เวสต์-จนมาถึงยุคของฉีเคอะ หนังกำลังภายในถูกสร้างมาหลากหลายและขาดคุณภาพลงเรื่อยเมื่อเทียบกับปริมาณที่มากมายของมัน จนดูเหมือนจะมาถึงทางตัน ถึงขนาดฉีเคอะทำ”เดชไอ้ด้วน” เป็นบทสรุปของภาพที่แท้แห่งยุทธภพ ไม่ต่างจากที่แซม แพคินพาห์แสดงบทสรุปแห่งหนังคาวบอยที่เผยเนื้อแท้อันป่าเถื่อน

แนวทางของ ฟงหวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า( Storm Rider ) เป็นความพยายามอีกครั้งที่จะสร้างความแปลกใหม่ให้กับหนังกำลังภายใน แต่ด้วยลักษณะความเป็นการ์ตูนสูง และขาดความพิถีพิถันอย่างจริงจัง แนวทางดังกล่าวจึงหายไปในเวลาอันสั้น (อันที่จริงก็เคยมีคนทำแนวทางนี้มาแล้วอย่าง Heroic Trio ของตู้ฉีฟง หรือ Wicked City ที่อำนวยการสร้างโดย ฉีเคอะ)

และเแม้ Crouching Tiger,Hidden Dragon จะประสบความสำเร็จอย่างสูงทั่วโลก แต่ผลงานของอังลี่ก็เสมือนเป็นการปัดฝุ่นและคารวะของเก่าในรูปโฉมที่งดงามขึ้นมากกว่าจะเกิดแนวทางใหม่ๆ เช่นเดียวกับ Ashes of Time ของหวังเจียเหว่ย ที่ไม่ได้มีเจตนาเพื่อความบันเทิงในวงกว้าง แต่เป็นการตีความอมตะนิยายอย่าง “มังกรหยก” ด้วยเอกลักษณ์ของตน

จางอี้โหมว หนึ่งในผู้กำกับจีนรุ่นที่ 5 ซึ่งมีผลงานในระดับชาติมากมาย ซึ่งผลงานเหล่านั้นแทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหนังกำลังภายในเลยสักนิด กระนั้นเมื่อดู Hero จบ แสดงให้เห็นชัดยิ่งว่าเขาพยายามที่จะแหวกแนวทางเดิมๆของหนังกำลังภายในออกมา และไม่ละทิ้งคนดูวงกว้าง แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ถือว่าเขาได้สร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกชิ้น

Hero นำเหตุการณ์จริงตามพงศาวดารจีนในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ มาขยายความใหม่ เป็นเรื่องของมือสังหารคนหนึ่งที่มีโอกาสสามารถปลิดชีพจักรพรรดิจิ๋นได้ในระยะ 10 หลา แต่เกิดจังหวะผิดพลาดทำให้แผนการล้มเหลว

เรื่องถูกบอกเล่าทั้งหมดระหว่าง ไร้นาม(เจ็ต ลี) กับจักรพรรดิ(เฉินต้าหมิง) บอกเล่าซักถามความเป็นไปถึงความสามารถการกำจัดศัตรูในการรวมแผ่นดินของจักรพรรดิจิ๋น ซึ่งได้แก่ มือสังหาร 3 คน—ฟ้าเวิ้ง(เจิ้นจื่อตัน),กระบี่หัก(เหลียงเฉาเหว่ย),และหิมะเหิน(จางม่านอวี้) จนไร้นามได้มาเข้าเฝ้าจักรพรรดิตามกฎที่ประกาศไว้ รวมไปถึงการตีความเรื่องที่เล่าเสียใหม่ตามความคิดของจักรพรรดิ และการเปิดเผยข้อเท็จจริงจากไร้นาม

เนื้อหาหลักๆทั้งหมดของฮีโร่มีอยู่เท่านั้นจริงๆ จางอี้โหมวตัดสินใจเล่าเรื่องเช่นเดียวกับวิธีจากเรื่อง ราโชมอน โดยลดความลุ่มลึกลงแต่ทำหน้าที่อย่างเดียวกันนั่นคือนำเรื่องเดิมมาตีความซ้ำโดยมุมมองของแต่ละบุคคลเพื่อเปลื้องเปลือยเนื้อแท้ในจิตใจมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการโกหกหลอกลวง หรือภาพแห่งศักดิ์ศรีที่ฉาบคลุม และค่าความเป็นคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของหิมะเหิน และกระบี่หัก ที่ถูกบอกเล่าโดยวิธีดังกล่าว

เหลียงเฉาเหว่ย และจางม่านอวี้ ให้การแสดงที่เปี่ยมบุคลิกอันซับซ้อนในหลายเหตุการณ์แตกต่างกัน ทั้งอิจฉาริษยา สงบเยือกเย็น แต่เธอก็ไม่ทิ้งความสูงศักดิ์ของหิมะเหิน เช่นเดียวกับเขาที่แสดงความเป็นคนนอกอย่างมั่นคง

ในท้ายที่สุดเรื่องราวทั้งหมดที่ถูกเล่าได้เฉลยสู่ความเป็นจริง เช่นเดียวกับ จักรพรรดิและไร้นามที่พึ่งตระหนักถึงสิ่งที่ กระบี่หักมอบไว้ให้ พวกเขาพบเป้าหมายที่จะปฏิบัติผิดแผกจากเริ่มต้น

จางอี้โหมวไม่ลืมใส่เรื่องราวเกื้อหนุน เพื่อวิพากษ์การเมืองตามความถนัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภูมิปัญญาแห่งรัฐจ้างอันอาจสูญหายด้วยน้ำมือคนๆเดียว, การเข้าใจสัจธรรมที่แท้ของจักรพรรดิจิ๋นที่ท้ายสุดก็ไม่อาจดิ้นหลุดจากระบบที่ตัวเองก่อร่างไว้

งานชิ้นก่อนๆของเขาใช้สีและภาพเล่าเรื่องจนโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น Shanghai Triad, The Road Home เรื่องนี้กลับยิ่งแจ่มชัดว่าเขานำมาใช้เพื่อแบ่งแยกเหตุการณ์ที่เล่าซ้ำๆให้ชัดเจน และหากมองลึกลงไปก็จะพบว่ามันกลมกลืนสนิทกับอารมณ์ที่ผู้เล่าต้องการหรือตีความเหตุการณ์เหล่านั้น( เช่น ไร้นามเล่าเหตุการณ์การสังหารกระบี่หักและหิมะเหินด้วยความคุกรุ่นทางอารมณ์ภาพจึงเป็นสีแดง, ส่วนจักรพรรดิตีความด้วยความเห็นด้านบุคลิกของกระบี่หักว่าอ่อนโยนและสงบ จึงถูกเล่าด้วยสีน้ำเงิน) นอกเหนือจากนี้เขายังแสดงความจัดเจนในฐานะที่อดีตคือผู้กำกับภาพ Hero จึงเต็มไปด้วยภาพมุมกว้างอันแสดงความตระการตาจากฉาก ,ฉากสงครามที่กองทัพยิงธนูอันสมจริง, ฉากการต่อสู้แบบกำลังภายในอันอ่อนช้อย ทรงพลัง แสดงศิลปะการต่อสู้ที่สวยงามเกินจริง

มองโดยภาพรวม Hero อาจไม่ใช่งานที่จับต้องง่ายนัก เพราะมันผสมผสานระหว่างศิลปะและความบันเทิง กระนั้นก็ตามเมื่อใส่ใจในรายละเอียดก็พบว่าก็ไม่ยากที่จะสัมผัสเรื่องราวของมัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อตัวละครแต่ละคนที่บอกถึงบุคลิกอย่างเด่นชัด(ฟ้าเวิ้ง ผู้เย่อหยิ่ง, กระบี่หัก ผู้ละซึ่งการฆ่าฟันด้วยเข้าใจซึ่งจุดหมายแห่งมนุษยชาติ) วิธีการเล่าอย่างพื้นฐานของภาพยนตร์ หรือสาระสำคัญอันเรียบง่ายเกี่ยวกับจุดหมายของมนุษย์เพื่อประโยชน์สุขแห่งแผ่นดิน คำว่า “ใต้หล้า” ถูกขับเน้นได้อย่างตรงไปตรงมาแต่ทรงพลัง ไม่ต่างกับอักษรจีนที่ใช้สื่อสารนั้นกลับเขียนได้หลายรูปแบบเพื่อการตีความ

ไม่ต่างกับผู้ชม ว่าจะตีความเรียบง่ายดังกล่าวได้มากน้อยเพียงใด ผิดหวัง หรือ ชื่นชม, ตื้นเขิน หรือ ลึกซึ้ง